![]() |
พระมณฑป สถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นประธานของวัด |
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์. เรื่อง สุรพล สุภาวัฒนกุล
ภาพ
ตามธรรมเนียมแต่โบราณของไทย
นครน้อยใหญ่ไม่ว่าแห่งใด ต่างก็ต้องมีวัดมหาธาตุอันประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุประจำเมือง
เพื่อเป็นศิริมงคลและศรีสง่าแก่บ้านเมือง
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร คือมหาธาตุแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เดิมนามว่า “วัดสลัก” เป็นวัดเก่าแก่มีมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
จากหลักฐานแผ่นศิลาจารึกดวงชะตาที่บรรจุไว้บริเวณฐานพระประธาน
ระบุว่าสถาปนาวัดขึ้นในปี พ.ศ.๒๒๒๘ ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับถึงวันนี้มีอายุเก่าแก่ถึง ๓๓๘
ปี
เมื่อแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. ๒๓๒๕
วัดสลักเป็นวัดที่คั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง)
อันเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
กับพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)
ที่ประทับของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในปีพ.ศ. ๒๓๒๖
สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดสลัก สร้างเสนาสนะต่าง ๆ
ขึ้นมาใหม่แล้ว
ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นโดยได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชว่า “วัดนิพพานาราม”
มีฐานะเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
![]() |
หน้าบันพระวิหาร ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ |
ในปี พ.ศ. ๒๓๓๑ ภายหลังจากวัดนิพพานารามได้ใช้เป็นสถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระอารามใหม่เป็น “วัดพระศรีสรรเพชญ์” ก่อนที่ในปี พ.ศ.๒๓๔๖ จะโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามพระอารามอีกครั้งว่า “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดมหาธาตุ” เนื่องจากวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในเจดีย์ ณ ภายในพระมณฑป และเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งเพื่อให้เป็นหลักของพระนครในกรุงรัตนโกสินทร์เช่นเดียวกับในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานมีการปรับปรุงซ่อมแซมวัดมหาธาตุมาเป็นลำดับ
ครั้งใหญ่ ๆ คือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พ.ศ.๒๓๘๗
ทรงบูรณะวัดมหาธาตุด้วยการก่ออิฐถือปูนเสนาสนะใหม่ทั้งพระอาราม
และในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สิ้นพระชนม์ได้ ๒ ปี
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์อันเป็นส่วนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
ในการปฎิสังขรณ์ปูชนียสถานสำคัญของวัดมหาธาตุ ได้แก่ พระมณฑป พระอุโบสถ
และพระวิหาร โดยเฉพาะหน้าบันพระวิหาร โปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนลายประดับเป็นรูปจุลมงกุฎของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มสร้อยนามพระอาราม
เพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ว่า “วัดมหาธาตุ
ยุวราชรังสฤษฎิ์”
![]() |
เจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เด่นสง่าภายในบุษบกภายในพระมณฑป |
ปูชนียวัตถุสำคัญและมีความงดงามไม่ควรพลาดชมภายในวัดแห่งนี้
คือ พระมณฑป ที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างเป็นประธานของวัดแต่แรก
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร
โดยทรงพระราชทานเครื่องไม้สำหรับสร้างปราสาทในวังหน้ามาใช้สร้างพระมณฑป
แต่ต่อมาไม่นานเกิดอุบัติเหตุถูกเพลิงไหม้ไปพร้อมกับพระอุโบสถและพระวิหาร จึงทรงให้สร้างใหม่และปรับเปลี่ยนจากยอดมณฑปเป็นหลังคาทรงโรงอย่างในปัจจุบัน
แต่ยังคงเรียก “พระมณฑป”ตามเดิม
ภายในพระมณฑปมีบุษบกประดิษฐานพระเจดีย์ทองซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นประธาน รายรอบด้วยพระพุทธปฏิมาพุทธลักษณะงดงามถึง
๒๘ องค์
ที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงอัญเชิญมาจากวัดร้างตามเมืองเก่าทางภาคเหนือได้แก่
เมืองสุโขทัย เมืองสวรรคโลก เมืองพิษณุโลก เมืองลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา
นำมาประดิษฐานไว้ภายในพระมณฑป
![]() |
พระศรีสรรเพชญ์พระประธานภายในพระอุโบสถ |
![]() |
ใบสีมารูปครุฑยุดนาคติดตั้งไว้บนผนังพระอุโบสถ ไม่เหมือนที่อื่น |
พระอุโบสถ
เป็นอีกแห่งที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสร้าง
เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
เนื่องจากหลังถูกเพลิงไหม้พระองค์ทรงให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่
ขยายพระอุโบสถออกจนแทบชิดกับพระมณฑป ถึงแนวเขตสีมา จึงต้องยกใบสีมาขึ้นติดบนผนัง
พร้อมทั้งทำประตูให้เปิดออกด้านข้าง
สิ่งน่าชมของพระอุโบสถคือพระประธานปางมารวิชัย “พระศรีสรรเพชญ์” รายล้อมด้วยพระอรหันต์ทั้งแปดทิศ
หน้าบันไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกภาพนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค
แวดล้อมด้วยเทวดาเหาะด้านละสามองค์ กับลายเทพพนมอยู่เหนือขึ้นไป
พื้นเป็นลายใบเทศก้านต่อดอก และใบสีมาจำหลักภาพครุฑยุดนาค
ที่ติดตั้งไว้บนผนังอุโบสถ แปลกไม่เหมือนที่อื่น
![]() |
ศิลาจารึกดวงชะตาการสร้างวัดบนฐานพระพุทธรุปประธานในวิหาร |
พระวิหาร สิ่งน่าชมคือหน้าบันพระวิหารเป็นตราพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยอักษรย่อ
ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.อันมีความหมายว่า เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ
ที่จัดทำขึ้นในการบูรณะสมัยรัชกาลที่ ๕
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปห้าองค์
มีพระศรีศากยมุนีเป็นพระประธาน สิ่งน่าสนใจคือศิลาจารึกดวงชะตาการสร้างวัด
เดิมติดอยู่ที่แท่นพระประธานเดิมเมื่อยังเป็นวัดสลัก
![]() |
พระปรางค์บรรจุอัฐืของอดีตพระสังฆราช |
พระเจดีย์และพระปรางค์ บริเวณพระระเบียงทางด้านเหนือพระวิหารและด้านใต้ของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของเจดีย์ด้านละองค์
พระปรางค์ด้านละองค์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เดิมทั้งหมดหุ้มด้วยแผ่นดีบุก
ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้นำแผ่นดีบุกออก ส่วนพระปรางค์องค์ใหญ่ด้านหน้าพระมณฑปสององค์
สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๒ บรรจุอัฐิธาตุของสมเด็จพระสังฆราช (ศุข)
และสมเด็จพระสังฆราช (มี)
พระวิหารน้อยโพธิลังกา
สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
เคยเป็นตำหนักที่ประทับของพระองค์เมื่อครั้งทรงผนวช
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ สมเด็จพระวันรัต
(เขมจารี) เมื่อครั้งยังเป็นพระพิมลธรรม ได้ปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งหลัง
ที่ควรชมและสักการะคือ “พระนาก” พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงถวายให้ประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหารน้อยนี้
![]() |
พระบวรราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท |
พระบวรราชานุสาวรีย์
สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ประติมากรรมขนาดเท่าครึ่ง ประทับยืนบนเกย
พระหัตถ์ทั้งสองยกพระแสงดาบเป็นท่าจบเป็นพุทธบูชา หันพระพักตร์ออกสู่สนามหลวง
สมาคมศิษย์เก่าวัดมหาธาตุสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบวรราชเจ้า
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ผู้ทรงสถาปนาวัดมหาธาตุ
ตั้งอยู่ด้านหน้าพระวิหารน้อยโพธิลังกา
ภายในบรรจุเนื้อดินจากแว่นแคว้นที่พระองค์เสด็จกรีธาทัพเข้ายึดครองรวมทั้งสิ้น ๒๘
แห่ง ไว้ใต้ฐาน
คู่มือนักเดินทาง
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมท้องสนามหลวง ถนนท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง
เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐-๑๘.๐๐ นาฬิกา
ไม่เสียค่าเข้าชม