![]() |
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์
เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน อนุสาร อ.ส.ท. เมษายน ๒๕๖๘
ภาพของนักท่องเที่ยวฝรั่งเดินถือภาพถ่ายพลางชะเง้อชะแง้มองภาพจิตรกรรมบนฝาผนังในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวรารามเปรียบเทียบกันกับภาพถ่ายในมือ
ดูจะพบเห็นมากเป็นพิเศษครับในช่วงนี้ สังเกตจากการที่ผมเข้ามานั่งพักหลบร้อนอยู่แค่เพียงไม่กี่นาที
ยังนับได้เป็นสิบรายแล้ว
ต้นเหตุนั้นมาจากซีรี่ส์ระดับอินเตอร์เรื่องดัง “The White Lotus” ซีซัน ๓
ที่ “น้องลิซ่า” ลลิษา มโนบาล ศิลปิน K-POP สาวชาวไทยสุดฮอตร่วมแสดงอยู่ด้วยนั่นแหละครับเป็นสำคัญ เนื่องพราะช่วงไตเติลเปิดเรื่องหรือ Opening
Credit ได้นำเอาภาพจิตรกรรมฝาผนังจากวัดสุวรรณารามและวัดสุทัศนเทพวราราม
สองอารามเก่าแก่ของไทยมาลำดับตกแต่งเป็นภาพเปิดเรื่องอย่างตระการตา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแห่กันมาตามแกะรอยภาพงาม
ๆ ที่เห็นจากซีรี่ส์กันเป็นทิวแถว
ความจริงแล้วภาพจิตรกรรมวัดสุทัศนเทพวรารามอันปรากฏในซีรี่ส์นั้นต้องบอกว่าเป็นเพียงส่วนย่อยครับ
เนื่องจากถูกเลือกมาจาก “ภาพกาก” ซึ่งในจิตรกรรมไทยหมายถึงภาพซึ่งไม่ใช่เนื้อหาหลัก
เป็นแค่ส่วนประกอบ เช่น สภาพแวดล้อม ทิวทัศน์
บ้านเรือน วิถีชีวิตผู้คน สิงสาราสัตว์ หลายภาพยังเลือกแค่บางส่วนไปตัดต่อเข้าด้วยกัน
![]() |
เนมิราชชาดก จิตรกรรมฝีมือชั้นบรมครูของหลวงวิจิตรเจษฎาหรือครูทองอยู่ จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ ๓ ปรากฏเป็นภาพเด่นในไตเติลซีรี่ส์ |
ตัวภาพจิตรกรรมที่เป็นเนื้อหาหลักน่าดูชมจริง ๆ นั้นต้องบอกว่าอยู่ที่วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร
อารามโบราณย่านบางกอกน้อย เดิมชื่อ “วัดทอง” เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา
แต่มาปฏิสังขรณ์ใหญ่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่
๑ พระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ เก๋ง และเสนาสนะต่าง ๆ ล้วนสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้ ส่วนจิตรกรรมฝาผนังนั้นมาเขียนขึ้นพร้อมกับการปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ก่อนหน้าจะเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดสุวรรณาราม” ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่
๔
ลายเส้นสีสันจิตรกรรมอันตระการตานั้นรังสรรค์ขึ้นบนผนังภายในพระอุโบสถทั้งสี่ด้านรอบองค์
”พระศรีศาสดา” พระพุทธรูปประธานโบราณซึ่งอัญเชิญจากหัวเมืองเหนือลงมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
๑ รายละเอียดของภาพระยิบระยับจนไม่มีพื้นที่ว่าง ตั้งแต่ผนังหุ้มกลองทิศตะวันออกด้านหน้าพระประธาน
ระหว่างช่องประตูเขียนภาพพุทธประวัติตอนประสูติและตอนมหาภิเนษกรมณ์ (เสด็จออกบวช) ในขณะพื้นที่เหนือแนวประตูขึ้นไปเขียนภาพพุทธประวัติตอนมารวิชัย
(ผจญมาร) อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ส่วนผนังทิศเหนือเขียนภาพจาก “ทศชาติชาดก” อันเป็น
๑๐ พระชาติสุดท้ายในการบำเพ็ญบารมีในฐานะพระโพธิสัตว์ก่อนมาประสูติเป็นพระพุทธเจ้า
ไล่เรียงไปตามลำดับรวม ๙ ชาติ ได้แก่ เตมียชาดก มหาชนกชาดก สุวรรณสามชาดก
เนมิราชชาดก มโหสถชาดก ภูริทัตชาดก จันทกุมารชาดก นารทชาดก และวิธูรชาดก
![]() |
องค์พระศรีศาสดา พระประธานในอุโบสถ |
ชาติที่สิบคือ “เวสสันดรชาดก” อันเป็นชาติสุดท้ายซึ่งถือเป็น “มหาชาติ” นั้น ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ด้วยการใช้พื้นที่ของผนังด้านทิศใต้ระหว่างช่องหน้าต่างทั้งแถบ เขียนเป็นภาพจากเรื่องเวสสันดรชาดก ไล่เรียงตั้งแต่ตอนเริ่มต้นมาจากด้านหน้าตามลำดับมาจนถึงตอนจบตรงผนังหุ้มกลองระหว่างช่องประตูด้านหลังพระประธาน ครบถ้วนทั้ง ๑๓ กัณฑ์ เหนือกรอบประตูขึ้นไปเขียนภาพพุทธประวัติตอนเทโวโรหณะ คือพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลงมาตามบันไดนาค ระหว่างเสด็จทรงเปิดโลกให้เห็นทั่วถึงกันทั้งสามโลก โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกนรก (แต่พื้นที่นรกในภาพนี้น้อยไปหน่อย วาดไว้แค่ช่องเล็ก ๆ นิดเดียว พอเป็นพิธี อาจเพราะนรกดูไม่สวยงามเจริญหูเจริญตา) โดยมุมของภาพวาดเป็นสังกัสนครที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาถึงโลกมนุษย์ มีกษัตริย์และประชาชนออกมาตักบาตรรับเสด็จ
จิตรกรรมเทพชุมนุมเรียงรายในระดับเหนือหน้าต่างอุโบสถ |
เหนือช่องหน้าต่างบนผนังด้านข้างทั้งสองฟากฝั่งซ้ายขวายังเข้มขลังด้วยภาพเขียน
“เทพชุมนุม” บรรดาเหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ทั้งพระอินทร์ พระพรหม เทวดา ยักษ์ ครุฑ นาค
ฤาษี นักสิทธิ์ วิทยาธร ในอิริยาบถประทับนั่งพับเพียบเรียบร้อย ต่างองค์ยอกรพนมหัตถ์ถวายอัญชุลี
หันพักตร์ไปยังทิศตะวันตกอันเป็นที่ตั้งของพระประธาน เรียงรายลดหลั่นกันเป็นแถวเป็นแนวสลับสีแดงดำอย่างมีระเบียบบนผนังรวมฝั่งละสี่แถวด้วยกัน
เดินเข้าไปในพระอุโบสถแล้วให้บรรยากาศเหมือนได้ร่วมเข้าเฝ้าพระพุทธองค์บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยังไงยังงั้น
ต้องยอมรับว่าผู้กำกับซีรี่ส์ The White Lotus ซีซัน ๓ นั้น “ตาถึง” จริง ๆ ครับ
ที่เลือกจิตรกรรมจากพระอุโบสถแห่งนี้ไปใช้เปิดเรื่อง เนื่องจากผลงานทั้งหมดในที่นี้ถือเป็นงานฝีมือระดับ
“บรมครู” ชั้นแนวหน้าของสมัยรัชกาลที่ ๓ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะภาพหลักที่ใช้เป็น “ตัวเปิด”
ซีรี่ส์ ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมนั้น คือผลงาน”มาสเตอร์พีซ” ของ หลวงวิจิตรเจษฎา หรือ ครูทองอยู่
ยอดฝีมืออันดับ ๑ ของแผ่นดิน ผู้ลือเลื่องชื่อด้วยความเชี่ยวชาญด้านลวดลายไทยประเพณีอันวิจิตรและความงดงามของลายเส้นพลิ้วสะบัดไหว
ซึ่งเราจะเห็นจากในส่วนของ “เส้นฮ่อ” ใช้แบ่งเรื่องราวของภาพใน“เนมิราชชาดก” บริเวณห้องที่
๔ ว่าโดดเด่นแตกต่างออกไปจากภาพอื่น ๆ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน
นอกจากนั้นยังมีเทคนิคเลือกใช้สีสันตัดกันบริเวณฉากหลังช่วยสร้างบรรยากาศขับเน้นจุดเด่นตรงกึ่งกลางให้ดูลอยตัวขึ้นมาเป็นสามมิติอย่างตื่นตาน่าอัศจรรย์
![]() |
ชาวต่างชาติหลากลีลาเปี่ยมชีวิตชีวาอารมณ์ ฝีมือหลวงเสนีย์บริรักษ์ หรือครูคงแป๊ะ จิตรกรเอกผู้ได้ชื่อว่าฝีมือทัดเทียมกับครูทองอยู่
ทว่าภาพที่ไม่ได้ปรากฏในซีรีส์ก็ใช่ว่าจะยิ่งหย่อนกว่ากัน
กลับถึงขั้น “ต้องห้ามพลาด” ด้วยซ้ำไป หนึ่งนั้นคือภาพของ “มโหสถชาดก” ในห้องที่ ๕
ข้าง ๆ ห่างเพียงช่องหน้าต่างกั้น อันเป็นผลงานชิ้นเอกของหลวงเสนีย์บริรักษ์หรือ
“ครูคงแป๊ะ” ซึ่งชื่อชั้นจัดอยู่ในระดับทัดเทียมกันกับ “ครูทองอยู่” ด้วยฐานะคู่แข่งคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียว
ในส่วนพระมโหสถที่เป็นเรื่องราวหลักนั้นครูคงแป๊ะวาดตามธรรมเนียมนิยมมาตรฐานจิตรกรรมไทยทั่วไป
ความโดดเด่นมาอยู่ตรงการวาดภาพผู้คนตัวประกอบในภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่งยุโรปและแขกอาหรับ
ล้วนสร้างสรรค์ด้วยอิริยาบถหลากหลาย ตั้งแต่ฉากแอ็คชั่นอย่างการต่อสู้กันบนหลังม้า
ที่ให้ความรู้สึกได้ถึงความรวดเร็วว่องไวผาดโผน แม้แต่ภาพจับกลุ่มยืนชุมชุมกันเป็นหมู่
ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาทั้งสีหน้าท่าทาง อารมณ์
เสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องแต่งกายล้วนเก็บรายละเอียดได้สมจริง สื่อถึงฐานะอันไม่ธรรมดาให้รับรู้ได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยาย
![]() |
เรือสำเภาอัปปางในพายุจากพระมหาชนกชาดก อีกภาพที่งดงามด้วยบรรยากาศ |
![]() |
เรือสำเภาจีนและท้องทะเล ภาพทิวทัศน์ที่ผสานทัศนมิติแบบสมัยใหม่เข้าไปในจิตรกรรมไทยประเพณี |
![]() |
ทิวทัศน์ของบ้านเมืองสมัยต้นรัตนโกสินทร์ปรากฏบนจิตรกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือน วัดราชประดิษฐานสถิตมหาสีมาราม |
ระหว่างทางมุ่งหน้ามายังวัดสุทัศน์ฯ ผมไม่ลืมแวะเข้าไปชมจิตรกรรมในอุโบสถวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
ถึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับซีรี่ส์ แต่ต้องมาชมเพราะเป็นผลงานอันทำให้เห็นชัดถึงพัฒนาการของจิตรกรรมอันต่อเนื่องมาจากสมัยรัชกาลที่
๓ อย่างของวัดสุวรรณาราม ซึ่งเริ่มมีอิทธิพลศิลปะแบบตะวันตกเข้ามาผสมผสานบางส่วน ในขณะจิตรกรรมฝาผนังวัดราชประดิษฐ์ฯ ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๔ พัฒนาไปอีกขั้น โดยผสมผสานงานจิตรกรรมแบบดั้งเดิมเข้ากับทัศนียภาพสมัยใหม่มากขึ้น
เช่น เทพชุมนุมที่เคยเขียนให้ประทับนั่งเรียงแถวบนฉากหลังสีแดงหรือดำ ถูกปรับเปลี่ยนเขียนเป็นเทพชุมนุมแบบต่างเหาะเหินอยู่ในอากาศท่ามกลางท้องฟ้าครามและเมฆขาวเหมือนจริง
![]() |
ประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วัดราชประดิษฐานสถิตมหาสีมาราม
เนื้อหาของภาพก็ฉีกแนวจากเรื่องราวในพุทธศาสนาอย่างพุทธประวัติและชาดกต่าง
ๆ หันมาเขียนป็นเรื่องราวเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแทน
เช่น ภาพการทอดพระเนตรสุริยุปราคาและจันทรุปราคา บนผนังหุ้มกลองด้านหน้า ส่วนผนังด้านข้างทั้งสองฟากเขียนเป็นภาพของ “พระราชพิธีสิบสองเดือน”
ตามพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้อายู่หัว รัชกาลที่ ๕ ไล่เรียงตามลำดับไป ซึ่งบางพิธีไม่มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน
เช่น พิธีตรียัมพวาย (โล้ชิงช้า)
บางพิธีก็มีพัฒนาการกว้างขวางออกไปมาก เช่น พิธีลอยพระประทีป (ปัจจุบันกลายเป็นประเพณีลอยกระทง) พิธีสงกรานต์ (ในภาพมีแต่การไปทำบุญที่วัด ก่อพระเจดีย์ทราย
ไม่เห็นเล่นสาดน้ำกันแต่อย่างใด ปัจจุบันพัฒนาการเป็นเทศกาลเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานไปแล้ว)
โดยเป็นการวาดในลักษณะจิตรกรรมไทยประเพณีผสมผสานด้วยทัศนมิติสมัยใหม่
เรียงรายด้วยตึกรามบ้านช่องวิถีชีวิตผู้คน
เป็นการบันทึกสภาพของบ้านเมืองในช่วงรัชกาลที่ ๔-๕ เอาไว้ในทางอ้อม
![]() |
ฉากประตูเมืองในเรื่องทธิวาหนชาดก จากพระเจ้าห้าร้อยชาติ บนเสาด้านหน้าพระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม
ภาพจิตรกรรมของวัดสุทัศน์ฯ
นั้นเขียนขึ้นเพื่อแสดงถึงความเป็นศูนย์กลางจักรวาลของพระวิหารหลวง
คือเขาพระสุเมรุบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ผนังสี่ด้านตั้งแต่แนวใต้ขอบหน้าต่างขึ้นไปจดฝ้าเพดานวาดภาพประวัติอดีตพระพุทธเจ้า
๒๗ พระองค์ ตามลำดับโดยเวียนขวาแบบทักษิณาวรรต บนเสาพระวิหารหลวง วาดภาพโลกสัณฐาน
ป่าหิมพานต์ ทวีปทั้งสี่ที่อยู่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ และเรื่องราวจากชาดกรวมทั้งหมด
๓๐ เรื่อง ภาพที่ปรากฏในซีรี่ส์ส่วนใหญ่ก็อยู่แถว ๆ เสานี้แทบทั้งหมดครับ
กับมีบางภาพอยู่แถว ๆ ผนังด้านหลังพระประธาน
![]() |
ภาพของเสือกำลังกินซากกวาง ถูกฝูงหมาป่าเข้าล้อมกรอบเพื่อแย่งชิง บนเสาด้านข้างพระประธาน |
อย่างบอกไว้ตอนแรก ว่าภาพจิตรกรรมจากวัดสุทัศน์ฯ
ส่วนใหญ่ถูกนำไปตัดต่ออีกที แต่ก็ยังมีภาพที่ไม่ได้ดัดแปลงเลยอยู่เหมือนกัน อย่างภาพเสือกำลังกินซากกวาง
ถูกล้อมกรอบโดยสุนัขป่าเพื่อแย่งชิงอาหาร บนเสาวิหารด้านซ้ายขององค์พระประธาน อีกภาพภาพเด่นเป็นที่จดจำและดัดแปลงน้อยจนแทบไม่แตกต่างได้แก่
ภาพการรบตรงหน้าซุ้มประตูเมือง ภาพจริงอยู่บนเสาตรงหน้าพระประธาน เป็นภาพจากทธิวาหนชาดก
ในซีรีส์ดัดแปลงเขียนคำว่า “บัวขาว” เอาไว้บนซุ้มประตู
กับเติมภาพลิงกำลังต่อสู้กับคนเข้าไป ส่วนภาพอื่น ๆ นั้นดัดแปลงมากน้อยต่างกันไป
แต่พิจารณาดูดี ๆ ก็เห็นได้ไม่ยากครับ
ไม่บอกดีกว่าว่าอยู่ตรงไหนบ้าง ให้ไปเดินหาดูกันเองสนุกกว่า
![]() |
หนึ่งในทัพมารถูกจระเข้กัดกิน จิตรกรรมพุทธประวัติตอนมารวิชัย วัดสุวรรณาราม |