ภาคภูมิ
น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนเมษายน ๒๕๖๒
“ในค่าย”
คือชื่อที่ชาวระนองโดยทั่วไปใช้เรียกขานจวนเจ้าเมืองระนอง ซึ่งมีความแปลกแตกต่างจากจวนเจ้าเมืองโดยทั่วไป
เนื่องจากอาณาบริเวณพื้นที่ ๓๗ ไร่อันร่มรื่นด้วยแมกไม้
มีกำแพงก่ออิฐถือปูนลักษณะเหมือนป้อมปราการล้อมรอบไว้อย่างแน่นหนา
![]() |
พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ต้นตระกูล ณ ระนอง |
จวนเจ้าเมืองระนองนี้เป็นนิวาสสถานดั้งเดิมของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
เจ้าเมืองระนองคนแรกผู้เป็นต้นตระกูล “ณ ระนอง” ชื่อเดิมของท่านคือ “คอซู้เจียง” เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน
อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยมาประกอบกิจการแร่ดีบุกซึ่งมีมากในพื้นที่ภาคใต้
แล้วต่อมาจึงได้ประมูลเป็นนายอากร เก็บค่าอากรดีบุกส่งเข้าท้องพระคลัง
ได้รับบรรดาศักดิ์แรกเป็นหลวงรัตนเศรษฐี ก่อนจะสร้างความดีความชอบอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งในท้ายที่สุดได้รับการโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
เจ้าเมืองระนองในที่สุด
บุตรของท่านทั้ง
๖ คนต่อมาล้วนได้เข้ารับราชการจนเป็นขุนนางระดับสูงทั้งสิ้น ได้แก่
หลวงศรีโลหภูมิพิทักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง (คอซิมเจ่ง)
พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี สมุหเทศาภิบาลเมืองชุมพร (คอซิมก๊อง)
หลวงศรีสมบัติ ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง (คอซิมจั๋ว) พระศรีโลหภูมิพิทักษ์
ผู้ช่วยราชการเมืองกระบุรี (คอซิมขิม) พระยาจรูญราชโภคากร ผู้ช่วยราชการเมืองหลังสวน
(คอซิมเต็ก) และพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้) สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต
สภาพปัจจุบันของจวนเจ้าเมืองระนองหลังแรก |
จวนเจ้าเมืองหลังแรกเมื่อครั้งใช้เป็นเรือนรับรอง |
อาคารจวนเจ้าเมืองระนองหลังแรกได้ถูกสร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ.
๒๔๒๐ โดยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง) บุตรคนที่ ๒ เป็นการสร้างด้วยอิฐสอปูนสดแบบจีน
ก่อผนังรับน้ำหนักหนาถึง ๖ นิ้ว โครงบนทำด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้อง แต่เมื่อสร้างใกล้เสร็จจึงเห็นว่าอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออกเกินไปไม่เหมาะต่อการพักอาศัย
จึงเปลี่ยนไปใช้เป็นเรือนรับรองสำหรับรับแขกที่มาเยือน ปรากฏหลักฐานที่ทำให้ทราบว่าอาคารหลังนี้เคยใช้รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีเสาวรินทิราบรมราชินี และสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เมื่อคราวเสด็จ ฯ ประพาสแหลมมลายู เมื่อ รศ.๑๐๙
(พ.ศ.๒๔๓๓) โดยมีพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกไว้ถึงสภาพภายในจวนที่ทอดพระเนตรเห็นในขณะนั้นว่า
"...ที่กลางบ้านทำตึกหลังหนึ่งใหญ่โตมาก แต่ตัวไม่ได้ขึ้นอยู่
เป็นแต่ที่รับแขกและคนไปมาได้อาศัย ตัวเองอยู่ที่เรือนจากเตี้ย ๆ
เบียดชิดกันแน่นไปทั้งครัวญาติพี่น้อง รวมอยู่แห่งเดียวกันทั้งสิ้น
มีโรงไว้สินค้าปลูกริมกำแพงยืดยาว ในบ้านนั้นก็ทำไร่ปลูกมัน
ปีหนึ่งได้ถึงพันเหรียญ เป็นอย่างคนหากินแท้...”
จากกาลเวลาที่ยาวนานนับร้อยปี
อาคารหลังนี้ได้พังทลายลงเหลือเพียงส่วนฐานและผนังชั้นล่างบางส่วน
ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและสร้างหลังคาขนาดใหญ่ครอบทับไว้อย่างดี
ศาลบรรพบุรุษตระกูล ณ ระนอง สร้างขึ้นในบริเวณจวนเจ้าเมืองหลังที่สองที่ผุพังไป |
จวนเจ้าเมืองหลังที่สองเมื่อครั้งยังมีสภาพสมบูรณ์ |
ส่วนจวนเจ้าเมืองหลังที่สองสร้างขึ้นในเวลาถัดมา เป็นสถาปัตยกรรมไม้สูงสี่ชั้น
ชั้นล่างเป็นหลังคาเชื่อมต่อกัน ๓ หลังอย่างงดงาม เป็นสถานที่พำนักอาศัยของเจ้าเมืองระนอง
คือพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง) และทายาท (คอยู่หงี) มีชื่อเรียกว่า“ซินจู๊ “โดยปรากฏภาพถ่ายเป็นหลักฐานอยู่ที่ในวังวรดิฐที่กรุงเทพฯ
น่าเสียดายที่จวนไม้งามหลังนี้ภายหลังถูกปลวกกัดกินจนผุพัง จำเป็นต้องรื้อทิ้ง ปัจจุบันจึงคงหลงเหลือเพียงส่วนฐานและเสาปูนให้ได้เห็นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามต่อมาพื้นที่บางส่วนของจวนได้ถูกบูรณะดัดแปลง สร้างเป็นอาคารชั้นเดียว
ใช้เป็นศาลบรรพบุรุษตระกูล ณ ระนอง สำหรับประกอบพิธีสักการะบูชาป้ายบรรพบุรุษตามประเพณี
ป้ายจารึกอักษร "ดวงตะวันอันสูงส่ง" |
เหนือประตูศาลบรรพบุรุษติดป้ายประจำตระกูลแกะสลักจากไม้ขนาดใหญ่
มีตัวหนังสือจีนสีดำบนพื้นสีทองสองตัว ข้อความว่า “เกา หยาง” คำว่า เกา แปลว่า สูง คำว่าหยาง แปลว่า ดวงอาทิตย์
จึงรวมแปลความหมายได้ว่า "ดวงตะวันอันสูงส่ง" ยังมีตัวอักษรเล็ก ๆ
อยู่ตรงมุมป้ายว่า “กิมเง็กหมัวตึ๊ง” แปลว่า “มากด้วยแก้วแหวนเงินทอง” และ
“ฮกลกซิ่วจ้วง” แปลว่า “มากด้วยขุนนาง” ในขณะที่บนพื้นหลังสีทองนั้นยังแกะสลักด้วยรายละเอียดมากมาย
โดยมีทั้งรูปค้างคาว ซึ่งตามความเชื่อของคนจีนถือว่าเป็นสัตว์ที่สูงส่ง
เนื่องจากกินนอนและอาศัยอยู่ในที่สูงตลอดเวลา ว่ากันว่าบนแผ่นป้ายนี้มีรูปค้างคาวอยู่ทั้งหมดถึง
๕๒ ตัว นอกจากนี้ยังมีรูปก้อนเมฆ และรูปของขวัญที่มีอยู่ ๓ ชิ้น คือ ซองเอกสารหมายถึงพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง
กระเป๋าใส่เงินหมายถึงฐานะร่ำรวย และอาวุธหมายถึงอำนาจ
ภายในศาลบรรพบุรุษตระกูล ณ ระนอง |
ศิลาจารึกประกาศเกียรติคุณ |
ภายในศาล กึ่งกลางห้องด้านในสุดตั้งโต๊ะสักการะบูชาป้ายบรรพบุรุษ ด้านหน้าตู้มีป้ายขนาดใหญ่จารึกข้อความภาษาจีนว่า “หลิ่งล่องจงต๊อก” แปลว่า “ผู้บัญชาการสูงสุดของเมืองระนอง” บนผนังตู้ประดับพวงหรีดเงินและพวงหรีดทองที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพและพระชายาทรงส่งมาร่วมงานพิธีศพพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ยังมีกล้องยาสูบขนาดยาวพิเศษของท่านคอซู้เจียง ที่มักเห็นปรากฏอยู่ในภาพถ่ายร่วมกับท่านเสมอ รวมทั้งโคมไฟโบราณแบบชักรอกปรับระดับได้ แบบเดียวกับที่ใช้ในพระราชวังรัตนรังสรรค์ แขวนไว้ด้านหน้าโต๊ะ ด้านหนึ่งตั้งป้ายศิลาจารึกเกียรติประวัติพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมตั้งไว้หน้าสุสานเจ้าเมืองระนอง แต่ถูกรถบรรทุกชนแตกเป็นสามส่วนเมื่อพ.ศ. ๒๕๓๓ เมื่อซ่อมแซมแล้วจึงนำมาเก็บรักษาไว้ที่นี่
คุณโกศล ณ ระนอง ทายาทรุ่นที่ ๕ |
![]() |
จานพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด |
ในตู้ไม้โบราณแบบยุโรปหลังใหญ่ด้านในยังมีโบราณวัตถุที่เป็นมรดกตกทอดกันมาเก็บรักษาไว้
แต่ละชิ้นล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นที่ลูกเล่นและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ คุณโกศล
ณ ระนอง (คอเฉ่ง) ทายาทตระกูล ณ ระนอง รุ่นที่ ๕ ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่อยู่ มักจะนำออกมาให้ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัส
พร้อมเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ เช่น จานมีรูใส่น้ำร้อนไว้ภายในจานสำหรับอุ่นอาหารในตัวทำจากฝรั่งเศส
จานเชิงที่มีภาพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ ๗ กษัตริย์แห่งอังกฤษ ฯลฯ
อาคารนิทรรศการ |
ภายในอาคารนิทรรศการ |
ใกล้กับศาลบรรพบุรุษยังมีอาคารชั้นเดียวอีกหลังหนึ่งเรียกว่าอาคารนิทรรศการ
ซึ่งโดยปกติจะไม่ได้เปิดให้ชมทั่ว ๆ ไป ต้องเฉพาะผู้ที่สนใจจริง ๆ
เท่านั้นจึงจะขอให้เปิดเข้าไปชม ภายในเป็นที่จัดแสดงแบบจำลองในสภาพสมบูรณ์ของพระราชวังรัตนรังสรรค์ทำด้วยไม้ทั้งหลัง
ทั้งยังมีแบบจำลองของจวนเจ้าเมืองระนอง เรือนรับรอง รวมทั้งอาคารอื่น ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณกำแพงของจวน เช่น โกดังเก็บของ อาคารสิบห้าห้อง
ที่ทางกรมศิลปากรได้สร้างขึ้นโดยสันนิษฐานจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่
บ่อน้ำโบราณ |
ภายนอกอาคารเองก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าชม
ซึ่งนอกเหนือจากซินจู๊หรือจวนเจ้าเมือง เรือนรับรอง และอาคารนิทรรศการแล้ว
ยังมีร่องรอยของบ่อน้ำโบราณอยู่หลายบ่อ
รวมถึงแนวท่อน้ำที่สันนิษฐานกันว่าในสมัยก่อนภายในจวนเจ้าเมืองได้มีการต่อท่อนำน้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อนระนองมาใช้ภายในจวนด้วย
แนวกำแพงรอบจวนใต้ร่มเงาไม้ยังคงแข็งแรง |
และที่ลืมไม่ได้คือกำแพงจวนเจ้าเมืองที่ก่อด้วยอิฐอันเป็นที่มาของชื่อเรียก
“ในค่าย” ตามประวัติได้บันทึกไว้ว่าสร้างขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ในเมืองระนองเมื่อปี
พ.ศ. ๒๔๑๙ โดยเกิดดีบุกราคาตกทำให้เจ้าของเหมืองไม่มีเงินพอจ่าย
กรรมกรชาวจีนเหมืองในจึงไม่พอใจก่อการจลาจลขึ้น
ครั้งนั้นเจ้าเมืองระนองได้ต่อสู้ป้องกันรักษาศาลากลางอันเป็นศูนย์กลางการปกครองไว้ได้สำเร็จ
กลุ่มจลาจลชาวจีนเมื่อไม่สามารถปล้นเงินราชการได้ ก็เดินทางออกไปก่อเหตุต่อที่เมืองภูเก็ต
หลังเหตุการณ์สงบลงจึงได้คิดสร้างกำแพงขึ้นล้อมรอบจวนเจ้าเมืองระนอง
โดยเป็นการเตรียมการไว้เผื่อเกิดจลาจลขึ้นอีก จะได้อพยพชาวเมืองเข้ามาอยู่ในแนวกำแพงซึ่งมีพื้นที่
๓๗ ไร่ เพื่อต่อสู้ป้องกันได้สะดวกขึ้น
ช่องสำหรับสอดปืนออกไปยิงด้านนอกกำแพง |
ตัวกำแพงมีความยาวโดยรอบรวม ๙๕๔ เมตร
สูง ๓.๕ เมตร หนา ๕๐ เซนติเมตร มีประตูเข้าออกอยู่ทางทิศตะวันออก
ทิศตะวันตก และทิศเหนือ โดยประตูจะมีลักษณะเป็นหอคอยรบขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นมีช่องสี่เหลี่ยมอยู่ตลอดแนวกำแพง
โดยมีอิฐแผ่นบาง ๆ ปิดไว้ เป็นช่องสำหรับสอดปืนออกไปยิงศัตรูที่อยู่ด้านนอกได้
กำแพงที่เห็นอยู่ในปัจจุบันบางส่วนมีการซ่อมแซมบูรณะขึ้นมาใหม่แทนของเก่าที่พังไปตามกาลเวลา
แม้ไม่ได้ถูกใช้ในการรบจริง
เนื่องจากหลังจากนั้นไม่เคยเกิดการจลาจลขึ้นในเมืองระนองอีกเลย
แต่ปัจจุบันภายในวงล้อมของกำแพงแห่งนี้
ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองระนองที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดชมไปแล้ว
อาคารคลังเก็บสินค้าในอดีต |
คู่มือนักเดินทาง
จวนเจ้าเมืองระนอง ตั้งอยู่ที่ตำบลเขานิเวศน์
อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือเส้นถนนเรืองราษฏร์
ตัดเข้าถนนกิจผดุง ใกล้กับตลาดเช้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ตลาดสะพานยูง” เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐นาฬิกา
โดยไม่เก็บค่าเข้าชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณโกศล ณ ระนอง โทรศัพท์ ๐๘
๑๙๕๖ ๐๐๐๘
จวนเจ้าเมืองระนองอยู่ในฮวงจุ้ยที่ดี |
No comments:
Post a Comment