Wednesday, September 21, 2016

พระอัฎฐารสคู่ หนึ่งเดียวของประเทศไทย วัดประโชติการาม


 พระอัฏฐารสองค์หน้า ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อสิน” เด่นตระหง่านอยู่ภายในวิหารที่สร้างขึ้นใหม่


ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...ชวนแวะและชวนชม
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ 

"พระอัฎฐารส" เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธรูป คำว่า“อัฎฐารสเป็นภาษาบาลี (อ่านว่าอัฎฐาระสะ แปลว่าสิบแปด) หมายถึงพระพุทธรูปสูงสิบแปดศอก ซึ่งหมายรวมถึงพระพุทธรูปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถใด (ยืน นั่ง เดิน นอน) ที่มีสัดส่วนองค์พระเท่ากับสิบแปดศอก แต่ด้วยในศิลาจารึกสุโขทัยมีข้อความบันทึกว่า “...ในกลางอรัญญิกมีพิหารอันหนึ่งบนใหญ่สูงงามแก่กม มีพระอัฏฐารสอันหนึ่งลุกยืน..."   ทำให้คนส่วนมากเข้าใจไปว่าพระอัฏฐารสหมายถึงพระพุทธรูปยืนอย่างเดียว  

คติความเชื่อในการสร้างพระอัฏฐารสนี้สันนิษฐานว่าช่างในสมัยโบราณสร้างตามข้อความที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินี อันกล่าวไว้ว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูงสิบแปดศอก ซึ่งคติความเชื่อในการสร้างพระสิบแปดศอกเริ่มนิยมกันมาจากในลังกาทวีป ก่อนที่นครสุโขทัยจะรับอิทธิพลคติเข้ามาพร้อมกับพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์

อย่างไรก็ตามพระอัฏฐารสส่วนใหญ่ที่เป็นพระยืนปางประทานพรอาจกล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของของสุโขทัยอย่างหนึ่ง เนื่องจากพบเห็นอยู่มากในเมืองเก่าสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และเมืองที่รับอิทธิพลของสุโขทัย องค์พระยืนนิยมสร้างผนังรองรับไว้ด้านหลัง หรือสร้างในรูปของอาคารที่เรียกกันว่า “คันธกุฎี” ลักษณะคล้ายมณฑปแต่แคบมาก ล้อมองค์พระพุทธรูปเอาไว้เพื่อค้ำยันให้มั่นคงไม่ล้มลงมา 

โดยปกติพระอัฏฐารสประทับยืนมักจะพบเห็นสร้างไว้องค์เดียวโดด ๆ  แต่ที่วัดประโชติการาม จังหวัดสิงห์บุรี มีลักษณะแปลก คือมีสององค์ ประทับยืนหน้า -หลัง แตกต่างออกไปไม่เหมือนที่ไหน เรียกได้ว่าเป็นพระอัฏฐารสคู่แห่งเดียวในประเทศไทย

 หลวงพ่อสิน
















 หลวงพ่อทรัพย์

               ยังไม่พบหลักฐานลายลักษณ์อักษรว่าทั้งสององค์สร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากรูปแบบพุทธศิลป์และสภาพแวดล้อมพอจะสันนิษฐานได้ว่าทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรสมัยสุโขทัย มีลักษณะการผสมผสานอิทธิพลแบบอู่ทองในส่วนพระพักตร์ ประมาณอายุได้ไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ ปี  องค์หน้าประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร เรียกกันว่า "หลวงพ่อสิน" สูง ๓ วา ๓ ศอก ๕ นิ้ว บริเวณด้านหลังพระเศียรทำเป็นรัศมีรูปเปลวคล้ายซุ้มเรือนแก้ว ส่วนองค์หลัง ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑป เรียกกันว่า "หลวงพ่อทรัพย์" สูง ๖ วา ๗ นิ้ว

 ภาพถ่ายเก่าแสดงให้เห็นสภาพดั้งเดิมขององค์พระหลวงพ่อสินท่ามกลางซากปรักหักพังของวิหาร แลเห็นมณฑปหลวงพ่อทรัพย์อยู่ด้านหลัง

 ภาพถ่ายเก่าด้านข้างของมณฑปและวิหารที่อยู่ในสภาพรกร้างพังเค

แต่เดิมหลวงพ่อสินอยู่ในวิหารที่มีสภาพปรักหักพัง ผนังทลายลงหมด เหลือแต่องค์พระทรุดโทรมยืนเอนเอียงจวนจะล้ม  สามเณรรูปหนึ่งภูมิลำเนาเดิมอยู่ใกล้วัดประโชติการาม แต่ไปจำพรรษาเรียนภาษาบาลีอยู่ที่วัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ กลับมาเยี่ยมญาติโยมทางบ้าน เห็นสภาพองค์พระใกล้พังทลายเต็มทีจึงได้ชักชวนญาติโยมนำเสาไม้มาค้ำยันไว้ หลายปีต่อมาสามเณรซึ่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุมหาสม พ่วงภักดี ลาสิกขาออกมาประกอบกิจการโรงพิมพ์ ส. ธรรมภักดีจนร่ำรวย ได้กลับมาบูรณะองค์หลวงพ่อสินจนมั่นคง แล้วสร้างวิหารครอบขึ้นใหม่   

 เจดีย์องค์เดิมของวัดอยู่หลังมณฑป คั่นกลางด้วยต้นมะเดื่อขนาดใหญ่ จากภาพถ่ายเก่านี้พอสังเกตเห็นรูปทรงได้ว่าเป็นเจดีย์ทรงระฆังบนฐานสูง

หลังแนวพระอุโบสถหลังเก่าปรากฏซากเจดีย์เป็นแนวก่ออิฐถือปูนฐานแปดเหลี่ยม กว้าง ๑๒  ยาว ๑๒ เมตร จากภาพถ่ายเก่าที่หลงเหลือพอจะเห็นได้ว่าเป็นเจดีย์ทรงระฆังบนฐานสูง สันนิษฐานว่าเจดีย์องค์นี้คงมีความสูงประมาณ ๑๘ เมตร แต่จากการลักลอบขุดค้นหาสมบัติทำให้เจดีย์พังทลายลง ในปีพ.ศ. ๒๔๙๖พบ ไห๔ หูโบราณ ภายในบรรจุพระเครื่อง พระบูชาปางต่าง ๆ หลายสิบชนิด กำไลข้อมือทองคำ ทองเหลือง แหวนหนวดกุ้งแบบโบราณ บริเวณใต้ฐานเจดีย์ ทางวัดในขณะนั้นได้นำออกให้ประชาชนบูชานำรายได้สมทบทุนสร้างอุโบสถและเจดีย์แทนองค์เก่า จึงเหลือแต่ไหสี่หูโบราณที่ปัจจุบันใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์อยู่ในอุโบสถ

 วิหารหลวงพ่อสินที่สร้างโดยมหาสม พ่วงภักดี ปัจจุบันถูกทุบทิ้งไปแล้ว

กรมศิลปากรได้เข้ามาขุดค้นแนวรอบวิหารและมณฑป ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ลึกลงไปประมาณ ๓ เมตร  พบลวดลายปูนปั้น ช่อฟ้า ใบระกา แนวกำแพงโบราณ และแนวอิฐที่เรียกว่าฐานไพทีรอบอุโบสถ วิหาร และมณฑป  ความยาวประมาณ ๒๐ เมตร ฐานไพทีมี ๒ ชั้น  คาดว่าในอดีตบริเวณวัดประสบปัญหาอุทกภัย จึงสร้างแนวกำแพงขึ้นอีกชั้นหนึ่งแล้วนำดินมาถมอัดเป็นเขื่อน เพื่อไม่ให้น้ำหลากไหลเข้ามาท่วมในบริเวณวิหารและมณฑป  

 วิหารหลังใหม่สถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยประยุกต์ กับภูมิทัศน์ภายในวัดประโชติการามที่ได้รับการปรับปรุงจนงดงาม

ในปีพ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ทางวัดโชติการามได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ โดยปรับปรุงมณฑปหลวงพ่อทรัพย์และทุบวิหารของมหาสม พ่วงภักดี ที่สร้างครอบหลวงพ่อสินไว้ แล้วสร้างวิหารสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยประยุกต์หลังใหม่ครอบคลุมพื้นที่บริเวณฐานรากของวิหารดั้งเดิม รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบใหม่ทั้งหมดจนสวยงามน่าเยี่ยมชม  

ปัจจุบันกำลังมีโครงการที่จะบูรณะปิดทององค์หลวงพ่อทรัพย์และหลวงพ่อสินให้งดงาม ผู้ที่แวะเวียนเข้าไปสักการะสามารถมีส่วนร่วมในการสบทบทุนในการบูรณะพระอัฏฐารสคู่ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ให้คงอยู่คู่เมืองสิงห์บุรีต่อไปตราบนานเท่านาน


คู่มือนักเดินทาง
วัดประโชติการาม ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกระบือ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสิงห์บุรี ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีตาม เส้นทางหลวงหมายเลข ๓๑๑  เส้นสิงห์บุรี–ชัยนาท (สายเก่า) ระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร 

No comments:

Post a Comment